Ogg Vorbis เป็นการบีบอัดไฟเพลงให้เล็กลงแบบใหม่ โดยมีความสามารถในการเล่นไฟล์มัลติมีเดียได้ดีกว่าเทคโนโลยีการบีบอัดไฟล์ แบบต่าง ๆ เช่น MP3, VQF, AAC, และไฟที่ผ่านการบีบอัดแบบอื่น ๆ Ogg มีรูปแบบการควบคุมไฟล์เพลงที่ไม่ตายตัว เป็นระบบแบบเปิดซึ่งกำลังเป็นที่นิยม
ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก MP3 นะครับ เทคโนโลยีการบีบอัดเพลงดิจิทัลแบบ MP3 และอินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมดนตรีครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อเราสามารถนำเพลงจากซีดีมาบีบอัดให้อยู่ในรูปแบบไฟล์ขนาดเล็ก และแลกเปลี่ยนผ่านอินเทอร์เน็ตได้สะดวก ใครจะยอมจ่ายเงินซื้อซีดีจริงมั้ยครับ นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่ค่ายเพลงทั่วโลกเผชิญอยู่ในขณะนี้ ค่ายเพลงเมืองไทยก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน
ปัญหาความขัดแย้งเรื่องลิขสิทธิ์ (Copyright) และสิทธิบัตร (Patent) ซึ่งฝรั่งเค้ามีศัพท์เฉพาะว่าทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) เป็นปัญหาที่รุนแรงสุดๆ บนโลกดิจิทัลในตอนนี้ และมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความแพร่หลายของ MP3 ก่อให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ (Copyright) ของตัวเนื้อหาซึ่งก็คือเพลง กับบรรดาเจ้าของค่ายเพลงซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ปัญหานี้แก้ยากครับ ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครแก้ได้ เนื่องจากว่าเป็นปัญหาเทคโนโลยีใหม่ก้าวข้ามเทคโนโลยียุคเดิม และทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคกับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมนี้ต้องเปลี่ยนแปลง เหมือนกับการคิดค้นเครื่องทอผ้า หรือเครื่องจักรไอน้ำยังไงยังงั้น
Ogg Vorbis - เป็นมาตรฐานที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อแทนที่ MP3 เนื่องจากใน ค.ศ. 1998 สถาบัน Fraunhofer ในเยอรมนี ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิบัตรวิธีการบีบอัดข้อมูลใน MP3 ประกาศเตรียมคิดค่าใช้งาน จึงมีกลุ่มพัฒนามาตรฐานใหม่เพื่อมาแทน MP3 และให้มาตรฐานใหม่นี้เป็นสาธารณสมบัติ (Public Domain). ในปี ค.ศ. 2002 Ogg Vorbis 1.0 ก็เสร็จสมบูรณ์ และกลายเป็นหนึ่งในฟอร์แมตเสียงหลักที่ทุกโปรแกรมต้องมี
Ogg Vorbis เริ่มพัฒนาโดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ชื่อว่า Xiph.Org Foundation ซึ่งมีจุดประสงค์ที่จะสร้างเทคโนโลยีด้านมัลติมีเดียบนอินเทอร์เนตที่เป็นของส่วนรวมอย่างแท้จริง โครงการ Ogg ก่อตั้งขึ้น โดยมีโครงการย่อย 4 โครงการ คือ
Vorbis สำหรับเพลงที่ถูกบีบอัดขนาด เหมือนกับ MP3
Theora สำหรับวิดีโอ
FLAC สำหรับเพลงที่ไม่ถูกบีบอัด เหมือนกับเพลงในซีดี
Speex สำหรับเสียงพูด
ตอนนี้โครงการ Vorbis พัฒนาเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว เราเริ่มจะเห็นเพลงแบบ Ogg Vorbis (นามสกุล .ogg) มากขึ้น ส่วน FLAC ก็เริ่มได้รับการยอมรับจากนักพัฒนา เหลือแต่ Theora กับ Speex ที่ยังอยุ่ในช่วงตั้งไข่ ข้อดีของ Ogg Vorbis ที่ดีกว่า MP3 นอกไปจากราคาและลิขสิทธิ์คือขนาดไฟล์เพลงเดียวกัน ถ้าแปลงเป็น Ogg จะมีขนาดเล็กกว่า MP3 และเสียงดีกว่า สนับสนุนการทำ Streaming (ฟังเพลงออนไลน์ เหมือนกับ Real Player) ด้วยโปรแกรม IceCast
MP3 เป็นเทคโนโลยีที่ถือว่าเก่าแล้วในโลกคอมพิวเตอร์ มีฟอร์แมตเพลงดิจิทัลอีกหลายชนิดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของ MP3 ที่ค่อนข้างดังมี Ogg Vorbis ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส, Windows Media Audio ของไมโครซอพท์ (นามสกุล .wma) และ AAC จากแอปเปิลที่ใช้ใน iPod ทำให้ตอนนี้ เพลงบนอินเทอร์เน็ตแบ่งเป็น 4 ฟอร์แมตหลักๆ คือ MP3, Ogg, WMA และ AAC แน่นอนว่า MP3 ที่กลายเป็นมาตรฐานของอินเทอร์เน็ต สามารถฟังได้จากโปรแกรมฟังเพลงทุกโปรแกรม และเครื่องเล่นเพลงดิจิทัลพกพาทุกตัว แต่อีก 3 ตัวที่เหลือนั้นไม่สามารถเล่นข้ามค่ายกันได้
สำหรับโปรแกรมฟังเพลงที่สนับสนุน Ogg ถือว่ามีเยอะ โปรแกรมที่ใช้กันเยอะๆ อย่าง WinAmp นั้นเล่น Ogg ได้มานานแล้ว โปรแกรมบนลินิกซ์อย่าง XMMS, Xine, Mplayer ใช้งาน Ogg ได้ทุกตัว แต่ถ้าต้องการฟัง Ogg บน Windows Media Player นั้นจำเป็นต้องติดตั้งตัวถอดรหัสเพิ่มครับ หาได้จากเว็บไซท์ของโครงการ OggDS (http://tobias.everwicked.com/oggds.htm) ส่วนบน Apple iTunes นั้นยังไม่สามารถทำได้
แต่บนเครื่องเล่นเพลงดิจิทัลพกพานั้น Ogg แทบไม่เป็นที่รู้จัก อาจเป็นเพราะว่าเป็นสมบัติของสาธารณะ เลยไม่มีแรงผลักดันทางการตลาดกับผู้ผลิตเครื่อง แต่อย่าลืมว่าไม่ว่า MP3, WMA หรือ AAC ต่างก็เป็นฟอร์แมทที่มีเจ้าของ มีโอกาสที่จะถูกเรียกเก็บเงินค่าใช้งาน ส่วน Ogg นั้นรับประกันได้ว่าจะยังฟรีตลอดไป แต่อนาคตฟอร์แมตใดจะครองความเป็นเจ้านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่เรื่องสิทธิบัตรอย่างเดียว ต้องรอดูกันต่อไปครับ