Accesskey คือ attribute ตัวหนึ่งของ ภาษา HTML มีไว้เพื่อใช้เป็น ทางลัด สำหรับ Keyboard เพื่อเข้าถึงหน้าเว็บหน้านั้นๆ ซึ่ง บางครั้งในกรณีที่เราขี้เกียจเอามือไปลากเม้าส์ เราสามารถ กด เลขที่เว็บไซท์ ระบุเอาไว้เพื่อไปยังส่วนต่างๆ ที่สำคัญในหน้าเว็บได้เลย ทว่าบราวแซอร์แต่ละตัวนั้น มีลักษณะการกดไม่เหมือนกัน
Browser |
Windows |
Linux |
Mac |
Internet Explorer |
[Alt] + accesskey |
N/A |
|
Chrome |
[Alt] + accesskey |
[Alt] + accesskey |
[Control] [Alt] + accesskey |
Firefox |
[Alt] [Shift] + accesskey |
[Alt] [Shift] + accesskey |
[Control] [Alt] + accesskey |
Safari |
[Alt] + accesskey |
N/A |
[Control] [Alt] + accesskey |
Opera |
Opera 15 or newer: [Alt] + accesskey
Opera 12.1 or older: [Shift] [Esc] + accesskey |
เมื่อเรารู้ว่าแต่ละบราวเซอร์กดคีย์ ต่างๆ เพื่อใช้งานยังไงแล้วนั้น เราก็ยังไม่สามารถนำไปใช้กับทุกเว็บไซท์ ได้ เพราะว่า บางเว็บนั้น ไม่ได้ทำเรื่องของ accesskey ที่เป็น HTML เอาไว้ให้เรา นั่นแหละคือปัญหาหนึ่ง เพื่อการนี้ เราจึงจำเป็นต้องเผื่อการใช้งาน Access key ด้วย
การทำ Access key นั้น จะพ่วงมากับ การทำ URI ในหน้า (id) ตอนนี้เอง ที่เราจะได้รู้ซึ้งถึงความสำคัญของการตั้งชื่อ ID ให้กับข้อมูลแต่ละส่วน เช่น ถ้าเราจะทำ accesskey ให้กับ เนื้อหาหลักของเว็บ <a> ที่ลิงค์ไปนั้น จะชี้ไปที่ URI นั้นๆ โดยที่ <a> นั้น จะระบุ accesskey ลงไปด้วย เช่น
ถ้าเราจะทำลิงค์ทางลัดไปยัง เนื้อหาหลักเลย สามารถเขียนได้ <a href="xxx" accesskey="2">ไปยังเนื้อหา</a> พอเราใช้งานแล้ว เราก็กดคีย์ลัด บนคีย์บอร์ด แล้วตามด้วยตัวเลข บราวเซอร์ ก็จะพาเราไปยัง URI นั้นๆ ทันที ถ้าหากเราใช้ Firefox บน PC ให้ใช้ Alt+Shift+เลขของ accesskey
ตัวอย่าง
<a href="http://www.softmelt.com/product.php" accesskey="h">Product</a><br>
<a href="http://www.softmelt.com/contact-us.php" accesskey="c">Contact</a>